เกษตรอินทรีย์ มีอะไรบ้าง คืออะไร และมาจากแนวคิดไหน?
เกษตรอินทรีย์ มีอะไรบ้าง เกษตร อินทรีย์ ไม่เพียงแต่เป็นรูปแบบการเกษตรที่พึ่งพาต่อความสมดุลและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบธรรมชาติ, แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเกษตรมีการมองเห็นต่อความสำคัญของการเป็นมิตรกับธรรมชาติ และการยืนยันว่าผลผลิตที่ได้จากการประกอบเกษตรอินทรีย์นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งนั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้เกษตรอินทรีย์ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นทั่วโลกในยุคสมัยนี้.
ในขณะที่มีคำถามว่าเกษตร อินทรีย์ จะสามารถเลี้ยงดูประชากรมนุษย์ที่เติบโตขึ้นได้หรือไม่, ความคิดนี้ยังคงเป็นที่ประศาสน์ทางวิชาการ แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันยังคงเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ เมื่อเรามองผ่านมุมมองของการประกอบการเกษตรด้วยความรู้สึกและเอาใจใส่ต่อธรรมชาติ เราก็จะเข้าใจความสำคัญของเกษตรอินทรีย์และค่านิยมที่มันนำมาสู่สังคม.สุดท้าย, เกษตรอินทรีย์แท้จริงไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคนิคหรือวิธีการประกอบการเกษตรเท่านั้น, แต่ยังเป็นการยืนยันถึงการมีส่วนร่วมกับธรรมชาติ และการเอาใจใส่และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้าง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ สังคมที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อการบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคต.
-
- การสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติ: แนวคิดเกษตรอินทรีย์เริ่มต้นขึ้นจากการสังเกตการณ์และการเรียนรู้จากระบบธรรมชาติ เช่น การเลี้ยงสัตว์และการปลูกพืชในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร.
- การป้องกันก่อนการรักษา: โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันศัตรูพืชและโรคพืชแบบธรรมชาติ หรือการป้องกันโดยใช้วิธีที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์.
- ความหลากหลายทางชีวภาพ: การ ทำ เกษตร เกษตรอินทรีย์เน้นการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของพืชและสัตว์ เพื่อสร้างระบบที่มีความยั่งยืน และมีความสามารถในการทนทานต่อความผันผวนของสภาพแวดล้อม.
- การสนับสนุนและพัฒนาความสามารถที่ดิน: การปรับปรุงและบำรุงดินเพื่อเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบการเกษตรอินทรีย์.
- สัมพันธภาพระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ: แนวคิดเกษตรอินทรีย์มองว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และการประกอบการเกษตรควรสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ.
เกษตร อินทรีย์ เป็นต้นกำเนิดจากความรู้สึกที่กังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่สารเคมีในการเกษตรมีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ ทำให้เกษตรอินทรีย์ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก.
แนวคิดที่มาของเกษตรอินทรีย์
เกษตรอินทรีย์ เป็นรูปแบบของการเกษตรที่ปฏิบัติภายใต้แนวทางการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการรักษาสุขภาพของมนุษย์ โดยไม่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษหรือสารปนเปื้อน. นี่คือบางส่วนของรายละเอียดที่เป็นส่วนประกอบของเกษตรอินทรีย์:
-
- ปุ๋ยอินทรีย์: การใช้ปุ๋ยที่มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหน้าตาล, ปุ๋ยฝังตะกอน เพื่อบำรุงดินและพืช.
- การควบคุมศัตรูพืช: ไม่ใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช แต่ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การปลูกพืชแบบหมุนเวียน, การใช้สัตว์เลี้ยงยับยั้งศัตรูพืช, และการใช้สารชีวภาพ.
- การควบคุมโรคพืช: ใช้วิธีการป้องกันโรคพืชแบบธรรมชาติ เช่น การเลือกพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อโรค และการปรับสภาพดินให้เหมาะสม.
- การเลี้ยงสัตว์: สัตว์ที่ถูกเลี้ยงในระบบเกษตรอินทรีย์ไม่ได้รับการฉีดยาป้องกันโรคแบบเคมีหรือฮอร์โมน เน้นใช้อาหารเลี้ยงที่มาจากแหล่งธรรมชาติ และมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวที่เพียงพอ.
- การจัดการดิน: การปรับปรุงคุณภาพดินโดยใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การหมุนเวียนพืช, การปลูกพืชปกคลุมดิน, และการควบคุมการย่อยสลายของวัสดุอินทรีย์.
- การรับรอง: เกษตรอินทรีย์ต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต เพื่อให้แน่ใจว่าการประกอบการเกษตรนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด.
เกษตรอินทรีย์ ยังมีการประกอบการในหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรระบบปิด, การเกษตรในเขตเมือง, หรือเกษตรในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ. ทั้งนี้ เป็นการยืนยันถึงความหลากหลายและความยั่งยืนของเกษตรอินทรีย์ การทําเกษตรอินทรีย์ บนวิถีพอเพียง
วิธีการดำเนินการของเกษตรอินทรีย์มีอะไรบ้าง?
-
- การบำรุงดิน สวนอินทรีย์ ในเกษตรอินทรีย์, ดินถือเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความยั่งยืน. การปรับปรุงคุณภาพดินโดยใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก, และปลวก ช่วยในการเพิ่มสารอินทรีย์และธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช. นอกจากนี้การหมุนเวียนพืชยังเป็นวิธีที่นิยมในการป้องกันโรคพืชและศัตรูพืชโดยธรรมชาติ.
-
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช แทนที่จะใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช, เกษตรอินทรีย์ใช้วิธีที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยแมลงเต่าทองเพื่อกำจัดเพลี้ย, การใช้พืชปกคลุมดินเพื่อป้องกันวัชพืช, และการใช้น้ำส้มสายชูเพื่อกำจัดเชื้อรา.
-
- การจัดการน้ำ น้ำเป็นส่วนสำคัญในเกษตรอินทรีย์ การใช้น้ำอย่างประหยัดและการจัดการน้ำด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบน้ำหยด, การเก็บน้ำฝน ส่งเสริมการเติบโตของพืชโดยไม่กระทบต่อแหล่งน้ำ.
-
- การใช้พันธุ์พืชและสัตว์พื้นเมือง เกษตรอินทรีย์มักเน้นการใช้พันธุ์พืชและสัตว์พื้นเมืองที่ปรับปรุงตนเองในภูมิศาสตร์ท้องถิ่น เพื่อลดความต้องการในการป้องกันโรคและศัตรูพืช นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและประเมินความต้องการของสภาพแวดล้อม.
-
- การปลูกผสมผสาน การปลูกผสมผสานคือการปลูกพืชหลายๆ ชนิดร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการระบาดของโรคและศัตรูพืช นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับปรุงคุณภาพดินและยั่งยืนของระบบเกษตร.
ข้อสรุป: เกษตรอินทรีย์ เน้นการทำงานร่วมกับธรรมชาติและไม่พึ่งพาสารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์. วิธีการดำเนินการต่างๆ ในเกษตรอินทรีย์แสดงถึงความพยายามในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อโลกและสังคมมนุษย์.
อินทรีย์หมายถึง ปัจจัยที่สำคัญในการประกอบเกษตรอินทรีย์คืออะไร?
1. ความรู้และการศึกษาเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ การมีความรู้และการศึกษาที่ถูกต้องเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะการประกอบเกษตรแบบนี้ต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างจากเกษตรแบบดั้งเดิม ซึ่งต้องมีความรู้เพิ่มเติมในการจัดการธรรมชาติและปัจจัยต่าง ๆ ในฟาร์ม.
2. การจัดการดินและทรัพยากรน้ำ ดินเป็นพื้นฐานของการเกษตรอินทรีย์ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และการหมุนเวียนพืชเป็นวิธีการในการบำรุงดินให้ร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์ น้ำก็เป็นทรัพยากรที่เกษตรกรอินทรีย์ต้องใช้ด้วยวิธีที่ยั่งยืน การเก็บรักษาและใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ.
3. การเลือกพันธุ์พืชและสัตว์ การเกษตรอินทรีย์ การเลือกพันธุ์พืชและสัตว์ที่เหมาะสมสำหรับการประกอบเกษตรอินทรีย์และสภาพแวดล้อมท้องถิ่นจะช่วยให้การเกษตรประสบความสำเร็จมากขึ้น การเลือกใช้พันธุ์พื้นเมืองหรือพันธุ์ที่ทนทานต่อโรคและศัตรูพืชจะลดความต้องการในการใช้สารป้องกันศัตรูพืช.
4. การมีสัมพันธ์กับชุมชนและตลาด เกษตรกรอินทรีย์ควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มโอกาสในการขายผลผลิต การมีการตลาดที่เจาะจงสำหรับผลผลิตอินทรีย์จะช่วยเพิ่มมูลค่าและยืนยันคุณภาพของผลผลิต.
5. จรรยาบรรณและการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรกรอินทรีย์ควรมีจรรยาบรรณในการปฏิบัติงานและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การประกอบเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เน้นการผลิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ แต่ยังต้องยั่งยืนและมีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม.
หลักการเกษตรอินทรีย์ ข้อสรุป: ปัจจัยที่สำคัญในการประกอบเกษตรอินทรีย์คือการมีความรู้ที่ถูกต้อง, การจัดการดินและน้ำ, การเลือกพันธุ์, การสร้างความสัมพันธ์กับตลาด, และจรรยาบรรณในการประกอบกิจกรรมเกษตร การรวมระบบเหล่านี้ในการประกอบกิจกรรมเกษตรอินทรีย์จะสร้างแนวทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.
อินทรีย์หมายถึง มีแนวทางในการประกอบกิจกรรมเกษตรอินทรีย์อย่างไรบ้าง?
ฟาร์มเกษตร เป็นแนวทางในการเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืชหรือปุ๋ยเคมี แต่ใช้วิธีธรรมชาติและแนวทางอื่น ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการประกอบกิจกรรมเกษตรอินทรีย์:การจัดการดินแบบธรรมชาติดินเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับเกษตรอินทรีย์ การบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์, การใช้การหมุนเวียนพืช, และการปลูกพืชปกคลุมดินสามารถช่วยในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และลดการเสื่อมสภาพดินการควบคุมศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีการใช้ศัตรูพืชธรรมชาติ, เช่น การปล่อยแมลงที่เป็นปรปักษ์ต่อศัตรูพืช, การใช้พืชที่สามารถขับไล่ศัตรูพืช, หรือการใช้สารชีวภัณฑ์ ช่วยในการควบคุมศัตรูพืชโดยไม่ต้องใช้สารเคมีการเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมการเลือกพันธุ์พืชที่ทนทานต่อโรคและศัตรูพืช, พันธุ์ที่สามารถปรับตัวต่อสภาพอากาศท้องถิ่น, และพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี จะช่วยลดความต้องการในการดูแลและควบคุมศัตรูพืชการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนการเก็บรักษาน้ำจากฝน, การใช้ระบบน้ำหยด, และการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย
ช่วยในการลดการใช้น้ำและใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพการปลูกพืชหลายชนิด, การทำเกษตรอินทรีย์ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ป่า, และการใช้การหมุนเวียนพืช ช่วยในการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและลดความเสี่ยงจากศัตรูพืชการสร้างสัมพันธ์กับชุมชนการขายผลผลิตในตลาดท้องถิ่น, การสร้างมาตรฐานและรับรองเกษตรอินทรีย์ และการทำงานร่วมกับชุมชน ช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นและตลาดที่ยั่งยืนสำหรับผลผลิตอินทรีย์
การปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์การปฏิบัติตามมาตรฐานและการรับรองเกษตรอินทรีย์ ช่วยในการยืนยันคุณภาพของผลผลิต และเพิ่มมูลค่าในตลาดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบสภาพดิน, การควบคุมศัตรูพืช, หรือการวางแผนการปลูก ช่วยในการประกอบกิจกรรมเกษตรอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ
เกษตรอินทรีย์ มีอะไรบ้าง สินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์ที่นิยมคืออะไรบ้าง?
เกษตรอินทรีย สวนอินทรีย์ เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกโดยไม่ใช้ สารเคมี ผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสุขภาพ ต่อไปนี้เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับความนิยม:ผักและผลไม้อินทรีย์ผักและผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรหลักที่มาจากเกษตรอินทรีย หากปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี พวกมันมักมีรสชาติที่ดี, มีวิตามินและแร่ธาตุที่สูง และไม่มีสารพิษตกค้าง ข้าวอินทรีย์ข้าวเป็นอาหารหลักของประชากรในหลายประเทศ ข้าวอินทรีย์นิยมเนื่องจากไม่มีสารเคมีตกค้าง และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี
ไข่และเนื้อไก่อินทรีย์ไก่ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์จะได้รับอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และไม่ได้รับยาปฏิชีวนะหรือสารเจือปนอื่นๆ จึงทำให้ไข่และเนื้อไก่มีคุณภาพสูง นมและผลิตภัณฑ์จากนมอินทรีย์วัวที่เลี้ยงแบบอินทรีย์ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะหรือสารเจือปน ทำให้นมและผลิตภัณฑ์จากนม อ如็นเนยหรือโยเกิร์ต มีคุณภาพสูงและไม่มีสารพิษตกค้าง กาแฟและชาอินทรีย์กาแฟและชาที่ปลูกแบบอินทรีย์มักเน้นการปลูกในระบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
เครื่องปรุงและสมุนไพรอินทรีย์เครื่องปรุงและสมุนไพรที่ปลูกแบบอินทรีย์ เช่น พริก, กระเทียม, หรือขิง มักมีรสชาติที่แรงกว่าและไม่มีสารพิษตกค้าง สบู่และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายจากสารธรรมชาติหลายบริษัทเริ่มนำเกษตรอินทรีย์เข้าไปในการผลิตสินค้าดูแลสุขภาพและความงาม เนื่องจากเป็นมิตรกับผิวและไม่มีสารเคมีเจือปน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชอินทรีย์พืชอินทรีย์ เช่น โมริงก้า, กระเจี๊ยบ, หรือสปิรูลิน่า ถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
เกษตรอินทรีย์ มีอะไรบ้าง ความแตกต่างระหว่างเกษตรอินทรีย์และเกษตรแบบดั้งเดิม?
ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นสองวิธีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่มีข้อแตกต่างทั้งในวิธีการ, วัตถุประสงค์, และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างทั้งสอง:
- การใช้สารเคมี
-
- เกษตรอินทรีย์: ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ เช่น ปุ๋ยเคมี, ยาฆ่าแมลง, ยาฆ่าเชื้อรา, หรือสารป้องกันศัตรูพืช
- เกษตรดั้งเดิม: อาจใช้สารเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตและควบคุมศัตรูพืช
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
-
- อินทรีย์หมายถึง : มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
- เกษตรดั้งเดิม: อาจทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
- ราคาและต้นทุนการผลิต
-
- เกษตรอินทรีย์: มักมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าแต่สามารถขายในราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากมีความต้องการจากผู้บริโภค
- เกษตรดั้งเดิม: ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า แต่อาจได้ราคาขายที่ต่ำกว่า
- ความปลอดภัยทางสุขภาพ
-
- เกษตรอินทรีย์: ไม่มีสารเคมีตกค้าง ดังนั้นมีความปลอดภัยต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
- เกษตรดั้งเดิม: อาจมีสารเคมีตกค้างที่อาจกระทบต่อสุขภาพมนุษย์
- การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
-
- เกษตรอินทรีย์: เน้นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของพืช, การหมุนเวียนพืช, และการปรับปรุงคุณภาพดิน
- เกษตรดั้งเดิม: อาจไม่มีการหมุนเวียนพืชหรือจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มที่
- การจัดการศัตรูพืช
-
- เกษตรอินทรีย์: ใช้วิธีการธรรมชาติ เช่น การปล่อยแมลงปราบศัตรูพืช, ใช้เชื้อราป้องกันโรคพืช
- เกษตรดั้งเดิม: มักใช้สารเคมีเป็นหลักในการควบคุมศัตรูพืช
กลุ่มเกษตรอินทรีย์ ข้อสรุป: ระหว่างเกษตรอินทรีย์และเกษตรดั้งเดิมมีข้อแตกต่างที่สำคัญทั้งในวิธีการ, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, และความปลอดภัยทางสุขภาพ การเลือกใช้วิธีการใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการของแต่ละบุคคลหรือชุมชน.
สรุป
เกษตรอินทรีย์ มีอะไรบ้าง เกษตรอินทรีย์เป็นวิธีการในการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่เน้นการไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์หรือสารป้องกันศัตรูพืช ในขณะที่ในการเกษตรแบบดั้งเดิม, การใช้สารเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตและควบคุมศัตรูพืชเป็นเรื่องปกติ การปลูกพืชแบบอินทรีย์นั้นเน้นการใช้วิธีธรรมชาติในการจัดการดินและศัตรูพืช, ทำให้ได้ผลผลิตที่ไม่มีสารเคมีตกค้างและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า.
ทั้งนี้, ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเกษตรอินทรีย์กับเกษตรดั้งเดิมนั้นคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปลูกพืชแบบอินทรีย์ทำให้เราได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ยังส่งเสริมให้มีความหลากหลายทางชีวภาพ, และไม่ทำให้ดินเสื่อมสภาพ เราเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของผู้บริโภคที่มุ่งมั่นต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เกษตรอินทรีย์จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น.อย่างไรก็ดี, ทั้งเกษตรอินทรีย์และเกษตรแบบดั้งเดิมมีบทบาทและความสำคัญในการหาอาหารและยืนยันความยั่งยืนของการเกษตร สิ่งสำคัญคือการเข้าใจและรับรู้ความแตกต่าง เพื่อให้เราสามารถทำความเข้าใจและทำการเลือกแบบการเกษตรที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตและความต้องการของเราเอง.
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Chemical_substance